แต่เดิมการปฏิบัติหน้าที่ในงานกาชาดได้ใช้เจ้าหน้าที่ของแผนกเลขานุการ กองบรรเทาทุกข์ซึ่งมีภารกิจประจำอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง กองบรรเทาทุกข์จึงขอโอนงานมาเป็นของสำนักงานกลาง โดยตั้งเป็น “หน่วยหารายได้ประจำและงานกาชาด” ต่อมาเมื่อภารกิจเพิ่มมากขึ้นในการประชุมคณะกรรมการสภากาชาดไทย ครั้งที่ 157 เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2515 หม่อมกอบแก้วอาภากร ณ อยุธยา ประธานกรรมการหารายได้ประจำของสภากาชาดไทย ได้เสนอให้ยกฐานะหน่วยหารายได้ประจำและงานกาชาดขึ้นเป็น “กองหารายได้” เพื่อทำหน้าที่ในการหารายได้โดยตรง โดยตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2515 มีสถานที่ทำการอยู่ชั้น 2 ของตึกอำนวยนรธรรม จนกระทั่งพ.ศ. 2539 “กองหารายได้” เปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักงานจัดหารายได้”
ด้านการบริหารงานหารายได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้หม่อมกอบแก้วอาภากร ณ อยุธยา เป็นผู้อำนวยการกองหารายได้คนแรกจนกระทั่งลาออก ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2520 ศ.นพ.ม.ล.เกษตร สนิทวงศ์ เลขาธิการสภากาชาดไทยในขณะนั้น รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองหารายได้เป็นเวลา 6 ปี ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2525 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านผู้หญิงนวลผ่อง เสนาณรงค์ เป็นผู้อำนวยการกองหารายได้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 และในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2540 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้หม่อมราชวงศ์ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ จนถึงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563 และต่อมาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ จนถึงปัจจุบัน
สำนักงานจัดหารายได้ | Donation HUB "รับ" เพื่อ "ให้"มีภารกิจในการจัดหาเงินรายได้เพื่อเสริมงบประมาณในการดำเนินภารกิจต่างๆ ของสภากาชาดไทยให้เพียงพอ ซึ่งรายได้หลักมาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา และการจัดกิจกรรมหารายได้ในรูปแบบต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมทั้งให้การดูแลผู้บริจาคผู้มีอุปการคุณ และสมาชิกประเภทต่างๆ ของสภากาชาดไทย
ค่านิยมหลัก (Core Value) "GIVE"( G = Growth , I = Innovation , V = Volunteer , E = Ethics )