

ในสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง งานเทศกาลประจำปีที่นับว่าเป็นงานใหญ่เป็นงานรื่นเริง ส่วนมากจะเป็นงานวัดประจำปี แต่ต่อมาเมื่อสภากาชาดสยามได้ร่วมอยู่ในสันนิบาตสภากาชาดแล้ว จึงมีความเห็นว่า สภากาชาดแต่ละประเทศควรจะจัดงานเผยแพร่กิจการของสภากาชาดให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเพื่อให้เกิดความสามัคคี คณะกรรมการเจ้าหน้าที่ของสภากาชาดสยามจึงได้ตกลงให้มีงานประจำปีขึ้น งานกาชาดจึงได้จัดขึ้น ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2465 ถึงวันที่ 8 เมษายน พุทธศักราช 2466 (ในสมัยนั้นใช้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) ณ ท้องสนามหลวง โดยเรียกงานนี้ว่า "การรับประชาสมาชิก พุทธศักราช 2466" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่กิจการของสภากาชาดสยามและเป็นการชักชวนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกับสภากาชาดสยามด้วยการเข้าเป็นสมาชิก โดยเก็บค่าบำรุงปีละ 1 บาท มีผู้สมัครเข้าเป็นประชาสมาชิกจำนวนถึง 13,436 ราย ซึ่งเงินเหล่านี้จะนำไปบำบัดโรคภัยไข้เจ็บแก่ประชาชนเท่ากับว่าเป็นการบริจาคเพื่อการกุศล พร้อมกันนี้ก็เพื่อเป็นงานประจำปีต้อนรับสมาชิกของสภากาชาดไปด้วย ฉะนั้นงานหลักของงานวันกาชาดคือการหาสมาชิก นับแต่นั้นมาจึงได้ให้มีการจัดงานกาชาดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โดยงานในปีแรกเป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก จัดให้มีกระบวนแห่รถไปตามถนนสายต่างๆ แล้วไปจอดรวมกันที่ท้องสนามหลวง ประชาชนต่างออกมาดูกระบวนแห่ทั้งตามรายทางและที่ท้องสนามหลวง จึงเป็นโอกาสให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีทั้งอนุสมาชิกชาย หญิง นักเรียน ลูกเสือได้พบปะชักชวนประชาชนเข้าเป็นสมาชิก
กระทั่งในปี 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้สภากาชาดสยามได้อาศัยพระราชอุทยานสราญรมย์ เป็นสถานที่จัดงานและให้ใช้ชื่อว่า “งานวันกาชาด” และได้จัดให้มีการแสดงเพิ่มขึ้น เช่น งิ้ว 3 โรง ภาพยนตร์ของบริษัทพัฒนากรและกรมสาธารณสุข พิณพาทย์ของวังบางขุนพรหมและกระทรวงวัง แตรวงทหารบก ทหารเรือ ฯลฯ ต่อมางานวันกาชาดได้พยายามหาของแปลกใหม่ที่น่าสนใจมาจัดแสดงเพิ่มขึ้นทุกปี เริ่มจากปี 2472 ได้เริ่มให้มีการสอย “ผลกัลปพฤกษ์” เป็นครั้งแรก รางวัลได้แก่ เครื่องเวชภัณฑ์ เสื้อผ้า ค่าสอยกัลปพฤกษ์มิได้กำหนดราคาไว้แล้วแต่ศรัทธา และในปี 2476 งานวันกาชาดได้จัดให้มีขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เว้นว่างมานาน และรัฐบาลได้อนุมัติให้มีการออกลอตเตอรี่ ราคาฉบับละ 1 บาท โดยให้ใช้ชื่อว่า “ลอตเตอรี่สภากาชาดสยาม” หรือที่ในปัจจุบันเรียกว่า สลากกาชาด
ต่อมาในปี 2481 งานวันกาชาดได้ย้ายจากพระราชอุทยานสราญรมย์มาจัดที่สถานเสาวภา ในปี 2495 แผนกกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดให้มีการประกวดสุขภาพเด็ก ในงานวันกาชาดขึ้นเป็นครั้งแรกและในปี 2499 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงมีพระราชเสาวนีย์โปรดเกล้าฯ ให้หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการอำนายการจัดงานกาชาดโดยอาศัยเจ้าหน้าที่แผนกเลขานุการกองบรรเทาทุกข์และอนามัย เป็นผู้ดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดเตรียมงาน
จากนั้นในปี 2500 งานกาชาดจึงได้ย้ายมาจัดงานที่สวนอัมพร ในปีแรกของการย้ายสถานที่ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานพร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา ซึ่งต่อมาบริเวณจัดงานได้ขยายออกไปถึง ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนศรีอยุธยา และถนนราชดำเนิน ทั้งยังได้จัดให้มีพิธีพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้สภากาชาดไทยในตอนค่ำ มีงานเลี้ยงพระราชทานแก่ผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินบำรุงสภากาชาดไทยและคณะกรรมการจัดงานฯ รวมถึงได้มีการพัฒนากิจกรรมและเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างตามความเหมาะสม โดยในปี 2504 ได้จัดให้มีการประกวดธิดากาชาดเป็นครั้งแรก
ในปี 2505 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานการแสดงบัลเล่ต์ประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ เรื่อง “มโนห์รา” ซึ่งพระองค์เสด็จฯ ทอดพระเนตรการจัดฉาก แสง สี ด้วยพระองค์เอง รวมทั้งเสด็จทอดพระเนตรการแสดงตลอดทั้ง 5 คืน เป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นการแสดง “อันวิจิตรพิสดารมโมฬารยิ่ง” ในปี 2538 คณะกรรมการอำนวยการฯ ได้จัดงานเสวยพระกระยาหารค่ำ และมีการประกวดร้านในงานกาชาด ต่อมาในปี 2545 ได้ขยายพื้นที่จัดงานไปถึงสนามหน้าที่ทำการสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) และเริ่มให้มีแนวคิดการจัดงานเป็นครั้งแรก โดยในปีนี้งานกาชาดได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังแห่งมนุษยชาติ” อีกทั้งมีการปรับราคาค่าบัตรผ่านประตู จากเดิม 10 บาท เป็น 20 บาท และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนที่มาเที่ยวชมงานส่งผลให้เป็นปีที่มียอดการจำหน่ายบัตรผ่านประตูสูงที่สุด
ในปี 2558 งานกาชาดได้จัดประกวดขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติฯ ย้อนประวัติศาสตร์ 90 ปีงานกาชาด และในปี 2559 งานกาชาดได้จัดให้มีขบวนแห่รถประดับไฟเฉลิมพระเกียรติฯ และการแสดง แสง สี เสียง ชุด“ราชการุณย์”เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา
จนกระทั่งในปี 2561 ได้ย้ายสถานที่จัดงานมายังสวนลุมพินี สวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพมหานคร แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของกิจกรรมรื่นเริงเพื่อการกุศล และไม่มีการจำหน่ายบัตรผ่านประตู
และสืบเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2563 จึงได้ปรับรูปแบบการจัดงานเป็นงานกาชาดวิถีใหม่ (New Normal) จากออนกราวน์สู่ออนไลน์ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดในกลุ่มประชาชนที่มาเที่ยวชมงานกาชาด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการยกงานกาชาดมาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยได้รวบรวมกิจกรรมและจำลองบรรยากาศงานกาชาด ณ สวนลุมพินี มาไว้บน www.งานกาชาด.com นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันงานกาชาดก็ได้ถูกจัดขึ้นในรูปแบบคู่ขนานทั้ง ONGROUND และ ONLINE เป็นต้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของงานกาชาดประจำปี
และในปี 2566 การจัดงานกาชาดครบ 100 ปี จึงใช้ชื่อ “งานวันกาชาด ๑๐๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๖๖” เพื่อร่วมย้อนวันวานงานกาชาด ภายใต้แนวคิด “รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้ #RedCrossFairCenturyOfCharity” สื่อความหมายว่า 100 ปี งานกาชาด นับเป็นศตวรรษแห่งการให้จากมหรสพรื่นเริงการกุศลคู่คนไทยที่จัดต่อเนื่องมายาวนาน งานกาชาด 100 ปีกับ 5 สถานที่จัดงานกาชาดในความทรงจำ จากท้องสนามหลวงสู่สวนลุมพินีและพัฒนาต่อยอดถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะจัด ณ สถานที่ไหน เวลาใด หรือรูปแบบใดก็เป็นพื้นที่แห่งการให้จากรุ่นสู่รุ่นที่ผู้รับและผู้ให้เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานรื่นรมย์และความสุขจากการได้ร่วมงานกาชาด